วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557


ส้มตำปูปลาร้า
ส่วนประกอบและเครื่องปรุง
1.มะละกอดิบหั่นฝอย 2 ถ้วยตวง
2.ถั่วฝักยาว 1/2 ถ้วยตวง (หั่นความยาวประมาณ 1" )
3.น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
4.มะเขือเทศ 1/2 ถ้วยตวง (หั่นครึ่ง)
5.พริกแห้งหรือพริกสด 3-5 เม็ด เผ็ดตามใจมัก
6.กระเทียมสด 5 กลีบ
7.ถั่วฝักยาวหั่น
8.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
9.ปูนา หรือปูทะเล 1 ตัว
10.น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ
11.น้ำมะขามเปียก


ขั้นตอนการทำ
1.สับมะละกอที่จัดเตรียมไว้ ให้ได้เส้นมะละกอหยาบ ๆ 2 ถ้วยตวง
2.เตรียมครก กระเทียม พริก โขลกให้ละเอียดพอดีคลุกเคล้าให้เข้ากัน
3.จากนั้นใส่มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว อีปู มะนาว น้ำปลาร้า น้ำปลา น้ำตาลปิ๊ปปรุงรสชาติให้อร่อย
4.ใส่เส้นมะละกอที่เตรียมไว้ใส่ลงไปตำ พอให้บุบไม่ต้องตำจนแหลกละเอียด

5.ตำ ๆ ๆ คน ๆ ให้เข้ากันกับเครื่องปรุง ชิมได้ทีแล้วตักใส่จาน

แกงเห็ดฟางใส่ผักหวาน
แกงเห็ดฟางใส่ผักหวาน เมนูที่ทำกินได้ทุกฤดูกาล เป็นเห็ดเพาะของเกษตรกรมีขายอยู่ทุกฤดูกาล หาซื้อได้ตามตลาดทั่วไป ซึ่งจะไม่เหมือนเห็ดที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ ที่มีเฉพาะฤดูฝนหรือหน้าฝนเท่านั้น แกงเห็ดใส่ผักหวาน จำพวกเห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า เนื้อเหนียว หนานุ่มอร่อยคล้ายเนื้อสัตว์มากกว่า เชื่อว่าสามารถป้องกันโรคหวัด ช่วยการไหลเวียนของเลือดและโรคกระเพาะ

ส่วนผสม
1.ยอดผักหวาน
2.เห็ดฟางดอกตูม
3.เห็ดนางฟ้า เห็ดเข็มทอง เห็ดหูหนู เห็ดภูฐาน
4.พริกขี้หนูแห้งเม็ดเล็กหรือพริกสด 7 เม็ด
5.หอมเล็ก 5-7 หัว
6.ตะไคร้
7.ใบแมงลัก
8.น้ำปลาร้า หรือ น้ำปลา

วิธีทำ
1.โขลกพริก หอมเล็กพอแหลก โขลกต่อให้เข้ากัน
2.นำเห็ดฟางผ่าครึ่ง เห็ดนางฟ้า ฉีกเป็นชิ้นๆ
3.ตั้งน้ำให้เดือด ใส่เห็ดฟาง รอจนเห็ดสุก ใส่ผักหวาน และข้าวคั่วหรือหรือเบือ
4.พอผักสลด ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำปลาร้า ใส่ใบแมงลัก คนให้เข้ากันและมีกลิ่นหอม


*หมายเหตุ : ข้าวเบือ คือ ข้าวสารเหนียวแช่น้ำแล้วนำมาโขลกให้ละเอียดสำหรับใส่แกงเห็ดเพื่อให้น้ำแกงเข้มข้นน่ากินแซบ
เมนูอาหาร

ลาบเทา
     ลาบเทา เป็นอาหารพื้นบ้านทางแถบอิสาน โดยการนำเทา ซึ่งเป็นสาหร่ายน้ำจืด ปรุงด้วยสูตรลาบอิสาน เรียกว่า " ลาบเทา " และเป็นที่นิยมรับประทานของชาวอิสานมาทุกยุคทุกสมัย เมนูลาบเทานี้จะเกิดขึ้นได้นั้นต้องอาศัยช่วงจังหวะที่น้ำมีสภาพอุณหภูมิ และระบบนิเวศของน้ำมีความสำพันธ์กันอย่างเหมาะสม จึงจะเกิดเทาขึ้นมาได้มากน้อยต่างกัน พบว่า... แหล่งน้ำในช่วงฤดูหนาว เป็นช่วงที่เกิดเทาได้มาก และพบเทาได้มากกว่าในช่วงฤดูอื่น (เดือนพฤศจิกายน - มกราคม)

ส่วนประกอบที่สำคัญในการทำลาบเทา ได้แก่
1. เทา
2. ป่นปลา
3. น้ำปลาร้าต้มสุก
4. มะเขือ , ถั่วฝักยาว
5. หอมแดง
6. ต้นหอม ,  ยี่หร่า , ใบหูเสือ ( ยี่หร่า อิสานสนมเรียก หอมห่อ หรือ หอมเป )
7. พริกป่น , ข้าวคั่วบดละเอียด

การปรุงลาบเทา
1. ผสมน้ำปลาร้าต้มสุกกับเทา แล้วคนให้เข้ากันให้ได้รูปในลักษณะของเหลวหนืด
2. ใส่ส่วนประกอบอื่นๆ ตามกันไป ได้แก่ ป่นปลาทูนึ่ง , ถั่วฝักยาว และมะเขือ (หั่นแล้ว) , หอมแดง (หั่นแล้ว) บ้างก็ใส่กระเทียมเล็กน้อย สำหรับผู้ที่ชอบรับประทานกระเทียม , พริกป่น + ข้าวคั่วบดละเอียด , ต้นหอม + ยี่หร่า + ใบหูเสือ (ซอยแล้ว) แล้วคนให้เข้ากันทีเดียวอีกครั้ง ตักเสิร์ฟพร้อมรับประทาน


*หมายเหตุ : เทาอาจมีไข่พยาธิ หรืออื่นๆ ปนมาด้วย เมื่อต้องการกำจัดไข่พยาธิด้วยวิธีการต้มเดือดลาบเทาที่ปรุงเสร็จแล้วนั้น ลาบเทาจะเหลวเป็นน้ำ แต่คุณค่าอาหารยังอยู่ หากต้องการรับประทานลาบเทาสดๆ ให้นำเทาไปแช่แข็งก่อนปรุงที่อุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งประมาณ 10 - 20 นาที ไข่พยาธิก็จะแตก (ตาย)
การปลูกเห็ดนางฟ้า



วัสดุอุปกรณ์ในการเพาะเห็ดนางฟ้า
-วัสดุเพาะ เช่น ขี้เลื่อยไม้ยางพารา อาหารเสริม
-แม่เชื้อเห็ดชนิดที่ต้องการ
-ถุงพลาสติกทนร้อนขนาด 6 3/4 x 12 1/2 หรือ 8x12 นิ้ว
-คอขวดพลาสติกเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 1/2 นิ้ว
-สำลี ยางรัด
-ถึงนึ่งไม่อัดความดัน หรือหม้อนึ่งความดัน
-โรงเรือนหรือที่บ่มเส้นใย

การเตรียมวัสดุเพาะเพาะจากขี้เลื่อยไม้ยางพารา 
     ส่วนมากจะใช้ขี้เลื่อยไม้ยางพารา หรือขี้เลื่อยไม้เบญจพรรณ หรือใช้ฟางข้าวก็ได้  ตามฟาร์มเห็ดทั่วไปแล้วเพื่อความสะดวกในการหมักและผสมวัสดุจึงนิยมใช้ขี้เลื่อยไม้ยางพารา  ซึ่งเป็นขี้เลื่อยไม้เนื้ออ่อนและมีสารอาหารที่มีคุณค่าในการเพาะเห็ดมาก

อัตราส่วนในการผสมวัสดุอื่นๆ
ขี้เลื่อย          100    กิโลกรัม
รำละเอียด      6       กิโลกรัม
ปูนขาว          1       กิโลกรัม
ดีเกลือ           0.2    กิโลกรัม
ยิปซัม           0.2    กิโลกรัม
น้ำสะอาด       60-70 %

สูตรที่  2
ขี้เลื่อยไม้ยางพาราแห้ง   100   กิโลกรัม
รำละเอียด                   5      กิโลกรัม
ยิปซัม                        0.2   กิโลกรัม
ปูนขาว                       1      กิโลกรัม
ดีเกลือ                        0.2   กิโลกรัม
ปรับความชื้นของวัสดุเพาะประมาณ  60-65 %
          วัสดุทั้งหมดนี้สามารถปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมได้เมื่อชั่งหรือตวงวัสดุทั้งหมดแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน และหมั่นตรวจดูความชื้นบ่อยๆ เพื่อไม่ให้วัสดุเปียกแฉะจนเกินไป  ซึ่งจะทำให้มีผลในการทำให้เชื้อเห็ดไม่เดิน


วิธีการเตรียมวัสดุเพาะ
     นำส่วนผสมดังกล่าวข้างต้น  ผสมให้เข้ากันด้วยมือหรือเครื่องผสมแล้วปรับความชื้น 60-65 % โดยเติมน้ำพอประมาณ ใช้มือกำขี้เลื่อยบีบให้แน่น ถ้ามีน้ำซึมที่ง่ามมือแสดงว่าเปียกเกินไป (ให้เติมขี้เลื่อยแห้งเพิ่ม) ถ้าไม่มีน้ำซึมให้แบมือออก ขี้เลื่อยจะรวมกันเป็นก้อนแล้วแตกออก 2-3 ส่วน ถือว่าใช้ได้แต่ถ้าแบมือแล้วขี้เลื่อยไม่รวมตัวเป็นก้อน แสดงว่าแห้งไป ให้เติมน้ำเล็กน้อย

ลักษณะเชื้อเห็ดที่ดี
      จะต้องไม่มีเชื้อราอื่นๆ เจือปน เช่น ราดำ ราเขียว ราส้ม ปนเปื้อน อยู่ในขวดเชื้อนั้น เพราะจะทำให้ถุงเพาะเชื้อเห็ดติดโรคราอื่นได้  โดยสังเกตเส้นใยของเชื้อเห็ดจะต้องมีเส้นใย สีขาวบริสุทธิ์และดินเต็มขวด

วิธีการเพาะเห็ด
บรรจุขี้เลื่อยใส่ถุงพลาสติกทนร้อน  น้ำหนัก 8-10 ขีด กระแทกกับพื้นพอประมาณ และทุบให้แน่นพอประมาณ 2 ใน 3 ของถุง ใส่คอขวด รัดด้วยหนังยางจุกสำลี
นำไปนึ่งฆ่าเชื้อที่ 100 องศาเซลเซียส  3 ชั่วโมง  แล้วนำมาพักให้เย็นในที่สะอาด

การใส่หัวเชื้อ
หัวเชื้อควรเลือกหัวเชื้อที่เจริญเต็มเมล็ดธัญพืชใหม่ๆเพราะเชื้อในระยะนี้กำลังแข็งแรงและเจริญเติบโตรวดเร็ว

สถานที่เขี่ยเชื้อเห็ด
  ควรเขี่ยในห้องที่สะอาดและสามารถป้องกันลมได้เพื่อช่วยลดเชื้อปลอมปน ทำให้เปอร์เซ็นต์ของก้อนเชื้อที่เสียต่ำลง ในการเขี่ยเชื้อเห็ด ควรใช้ลวดแข็งๆ เผาไฟให้ร้อน ในถึงก้อนเชื้อประมาณ 15-20 เมล็ดแล้วปิดด้วยจุกสำลี เพื่อฆ่าเชื้อ  แล้วกวนตีเมล็ดข้าวฟ่างให้ร่วน เพื่อสะดวกในการเทเมล็ดข้าวฟ่างลงในถึงก้อนเชื้อ การใส่หัวเชื้อเห็ดที่เลี้ยงบนเมล็ดข้าวฟ่างลงและหุ้มกระดาษไว้ตามเดิม นำก้อนที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วไปพักในห้องบ่มที่สะอาด ควรฉีดยาฆ่าแมลงไว้ที่พื้น บ่มก้อนเชื้อไว้ประมาณ 25-35 วัน แล้วย้ายโรงเปิดดอก

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

6.นำฟืมมากระทบต้นกกที่จัดไว้2-3ครั้ง

7.พับขอบโดยนำกกเส้นในไขว้ทับเส้นนอกแล้วนำปลายเส้นด้านในพับออกด้านนอก

8.พับแบบข้อ 6สลับข้างซ้ายขวาไปเรื่อยๆ

9.เมื่อทอทอเกือบถึงปลายเส้นปอแก้วแล้วให้เหลือปลายเส้นปอแก้วไว้ประมาณ2.50 เซนติเมตรพอให้มัดกันได้

10.เมื่อตัดเสื่อออกจากฟืมแล้วให้นำปลายของเส้นปอแก้วมัดกันก็จะได้เสื่อไว้ใช้ตามต้องการ

สรุปและข้อเสนอแนะ
1.การทอเสื่อเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ หรือบางคนทำเป็นอาชีพเสริมได้บางครอบครัวทำเป็นกิจกรรมภายในครอบครัว ช่วยกันทำ ทำให้เกิดความสำพันธ์ที่ดีภายในครอบครัว
2.เวลาการจัดทำไม่ค่อยมี เพราะเพื่อนในกลุ่มมีเวลาว่างไม่ตรงกัน

3.การทอเสื่อเป็นวิธีการที่น่ารู้ เพราะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะหารายได้เสริมได้
การทอเสื่อ
วัสดุ/อุปกรณ์
1.ต้นกก/ต้นไหล
2.ปอแก้ว(ปอ/เชือกที่ใช้สำหรับทอเสื่อ)
3.กรรไกร
4.มีด
5.ฟืม
6.ไม้สำหรับสอด(ขนาดกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 1 เมตร)
                     
ขั้นเตรียม
-ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับการทอเสื่ออย่างละเอียดและเตรียมหาความรู้เพิ่มเติมพร้อมทั้งเขียนโครงงานที่จัดทำอย่างละเอียด
-นำเสนอโครงงานให้ครูตรวจสอบ
-จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จะทำเสื่อ

-เริ่มลงมือปฏิบัติ
1.นำมีดหรือเคียวตัดหรือเกี่ยวต้นกกมา แล้วนำมีดสอยตามยาวโดยแบ่งต้นกก 1 ต้นต่อ2-3ชิ้น ตามขนาดของต้นกกไม่ตัดบาง-หนาเกินไป

2.นำต้นกกที่สอยแล้วไปผึ่งแดดให้แห้งพอประมาณ

3.นำปอแก้วหรือปอที่ใช้สำหรับทอเสื่อสอดเข้ารูฟืมตามภาพ

4.นำต้นกกสอดเข้าระหว่างกลางของปอแก้วชั้นบนและชั้นล่างของปอแก้ว
5.จัดต้นกกที่สอดเข้าแล้วให้ตรง



วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557

การสานกระติบข้าว
กระติบข้าว(หรือก่องข้าวเหนียว)เป็นของใช้ประจำบ้านที่ใช้บรรจุข้าวเหนียว ทุกครัวเรือน ทุกพื้นที่ที่รับประทานข้าวเหนียว โดยเฉพาะในภาคอีสานของไทย ซึ่งชาวอีสานนิยมบริโภคข้าวเหนียว
เหตุผลที่ทำให้นิยมใช้ กระติบข้าวบรรจุข้าวเหนียว
1.  ทำให้ข้าวเหนียวที่บรรจุไม่เหนียวแฉะไม่ติดมือ
2.  พกพาสะดวก หิ้วไปได้ทุกหนทุกแห่ง
วัสดุที่ใช้ทำกระติบข้าว
กระติบข้าวสามารถทำได้จากวัสดุหลายอย่าง เช่น ใบจาก ใบตาล ใบลาน เป็นต้น แต่ที่นิยมใช้ทำมาก และมีคุณภาพดีที่สุด ต้องทำจากไม้ไผ่
ไม้ไผ่มีหลายชนิด แต่ละชนิด เหมาะกับงานแต่ละอย่าง และไม้ไผ่ที่นิยมนำมาทำกระติบข้าว คือไม้ไผ่บ้าน หรือไม้ไผ่ใหญ่ อายุประมาณ 10 เดือน ถึง 1 ปี เพราะมีปล้องใหญ่และปล้องยาว เนื้อไม้เหนียวกำลังดี ไม่เปราะง่าย ทำเป็นเส้นตอกสวย ขาว



ขั้นตอนการสานกระติบข้าว
1.       นำปล้องไม้ไผ่มาตัดหัวท้าย ตัดเอาข้อออก ผ่าเป็นซีกทำเส้นตอกกว้างประมาณ2-3 ม.ม. ขูดให้เรียบและบาง
2.       นำเส้นตอกที่ได้มาสานเป็นรูปร่างกระติบข้าว หนึ่งลูกมี 2 ฝา มาประกอบกัน
3.       นำกระติบข้าวที่ได้จากข้อ (2.) มาพับครึ่งให้เท่า ๆ กันพอดี เรียกว่า 1 ฝา
4.       ขั้นตอนการทำฝาปิด โดยจักเส้นตอกที่มีความกว้าง 1 นิ้ว สานเป็นลายตามะกอก และลายขัด
5.       นำฝาปิดหัวท้ายมาตัดเป็นวงกลม มาใส่เข้าที่ปลายทั้งสองข้าง
6.       ใช้ด้ายไนล่อน และเข็มเย็บเข้าด้วยกันรอบฝาปิดหัวท้าย
7.       นำก้านตาลที่ม้วนไว้มาเย็บติดกับฝาล่าง ที่เป็นตัวกระติบข้าว
8.       นำกระติบข้าวที่ได้ไปรมควันจากฟางข้าว เพื่อกันแมลงเจาะ และเพื่อความสวยงาม ทนทาน ไม่เกิดราดำ
9.       นำไม้มาเหลาเป็นเส้นตอก กลมยาวเส้นผ่าศูนย์กลาง 2-3 ม.ม. ความยาวรอบ บางเท่ากับฝากระติบพันด้วยด้ายไนล่อน แล้วเย็บติดฝาขอบบน เพื่อความสวยงาม
10.   เจาะรูที่เชิงกระติบข้าว ด้วยเหล็กแหลม 2 รู ให้ตรงข้ามกัน แล้วทำหูที่ฝาด้านบน ตรงกับรูที่เจาะเชิงไว้
11.   ใช้ด้ายไนล่อนสอดเข้าเป็นสายไว้สะพายไปมาได้สะดวก จะได้กระติบข้าวที่สำเร็จเรียบร้อย สามารถนำมาใช้และจำหน่ายได้
วัสดุที่ใช้ทำกระติบข้าว
1. ไม้ไผ่บ้าน
2. ด้ายไนล่อน
3. เข็มเย็บผ้าขนาดใหญ่
4. กรรไกร
5. มีดโต้
6. เลื่อย
7. เหล็กหมาด (เหล็กแหลม)
8. ก้านตาล
9. เครื่องขูดตอก
10. เครื่องกรอด้าย
ประโยชน์ที่ได้จากกระติบข้าว
1. ใช้บรรจุข้าวเหนียว
2. เป็นของชำร่วย
3. ประดับตกแต่ง
4. กล่องเอนกประสงค์
5. กล่องออมสิน          
6. แจกัน
7. กล่องใส่ดินสอ
ข้อเสนอแนะ
1.    การเลือกไม้ไผ่ ควรเลือกไม้ไผ่ ที่มีปล้องยาวอายุประมาณ 10 เดือน ถึง 1 ปี
2.    การจักตอก ต้องมีขนาดความกว้าง ความยาวให้เท่า ๆ กันทุกเส้น เพื่อจะได้กระติบรูปทรงสวยงาม
3.    ก่อนที่จะเหลาเส้นตอก หรือขูดให้นำเส้นตอกที่จักแล้ว แช่น้ำประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อให้เส้นตอกอ่อนนุ่ม จะได้ขูดเหลาง่ายขึ้น แล้วนำไปตากแดด ให้แห้งสนิท เพื่อป้องกันเชื้อราก่อนลงมือสาน